Category ข่าวบันเทิง

บอล กัมมัญญ์

"บอล กัมมัญญ์" โสดแต่ว่าไม่เหงา โดนจับจิ้น "แจ็คกี้" แม่น้องบอง สถานะพี่น้อง

มีงานละครให้เห็นหน้าตลอด ผู้แสดงชายหนุ่ม “บอล กัมมัญญ์ กลมแก้ว” จัดเตรียมมีผลงานละคร “ที่สุดของหัวใจ” ทางช่อง 3 งานละครแน่น แต่หัวใจกลับว่าง เป็นหนุ่มโสดมาพักใหญ่ เลยขออัปเดตเรื่องความรัก พวกเราโสดจริงรึเปล่า มีคนเชื่อเรามั้ย?

“บอล” เปิดเผยว่า “ครับ โสดจริงๆครับ ไม่มีคนเชื่อเลยเหรอ โสดมาประมาณปีนึงแล้วครับ เคยมีแฟนไม่ใช่ไม่มีเลย คือไม่ได้ปิดแค่เราไม่ได้ป่าวประกาศว่าเรามีแฟนแล้ว คือเราให้เกียรติซึ่งกัน และกันว่า ตรงนี้เป็นพื้นที่ของคุณ ตรงนี้เป็นพื้นที่ของผม เวลาเราใช้ชีวิตร่วมกัน ก็เป็นแฟน เดินห้าง ดูหนังด้วยกัน มีคนเห็นเยอะแยะมากมายแค่เราไม่ได้ลงโซเชียลเท่านั้นเอง”

แล้วช่วงที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ถึงลดสถานะ?
“มุมมองอนาคตต่างกันนิดนึง บอลอาจจะเป็นคนผิดเอง บอลยังรู้สึกว่าการทำงานของบอลยังไม่ประสบความสำเร็จก็เลยอาจจะจูนกันไม่ค่อยติดเท่าไหร่แต่ไม่ได้มีมือที่สาม แค่มุมมองอนาคตซึ่งกันและกันที่มันแตกต่างกันเลยคุยกันก่อนว่าเราลดสถานะกันดีกว่าแต่ไม่ได้ทะเลาะกัน”

พอโสดแล้วเหงามั้ย?
“ก็เหงาเหมือนกันครับ แต่พอดีงานเยอะมากก็เลยไม่ค่อยเท่าไหร่ มีเพื่อน มีธุรกิจส่วนตัว ทำให้เวลาที่จะเหงาก็น้อยเหลือเกิน”

เวลาทานข้าวในแก๊งทุกคนพาแฟนไปแล้ว เราฉายเดี่ยวรู้สึกอย่างไรบ้าง?
“นี่ไง ก็ไปนั่งกับพี่ปุ๊ย ผู้จัดการ ครบคู่พอดี (หัวเราะ)”

แจ็คกี้ บอล กัมมัญญ์

จะโดนแซวประเด็นนี้?

“ใช่ เป็นคี่ตลอด เลยไม่เคยมีคู่เลย (หัวเราะ) ผมอาศัยนั่งหัวโต๊ะเลยจะได้ไม่ต้องมีคู่”

เพื่อนๆแซวว่ายังยังไงบ้าง?
“นิดนึงๆ แต่ก็ไม่เท่าไหร่ ด้วยเค้าก็เห็นผมเคยมีใครมาบ้าง ก็ไม่ได้อะไรมาก”

มีแนะนำมั้ย?
“ไม่ค่อยมีเลย ในแก๊งไม่ค่อยขายของให้เลย”

เพื่อนๆบางทีก็อาจจะเห็นว่าเรามีลุคเนี้ยบเข้าถึงยากรึเปล่า?
“ไม่เกี่ยวๆลุคชิลๆของผมคือชิลจัดเลย ใส่ขาสั้น รองเท้าแตะเลย อาจจะไม่ค่อยมีคนเห็น คนจะเห็นเวลาผมไปงานใส่สูทอะไรแบบนี้มากกว่า ใส่สูทส่วนมากละคร ทำงานจริงๆ เสื้อกีฬา เสื้อโปโล”

จริงๆเราเปิดใจเรื่องความรักมั้ย?
“เปิดใจๆแต่ขอแบบ ด้วยอายุประมาณนึงแล้ว มุมมองเราคนที่เข้ามาจะต้องโตพอสมควร ไม่อย่างนั้นจะมาง้องแง้งในเรื่องการทำงานของผมไม่ได้ เพราะผมใช้ชีวิตแบบนี้”

ล่าสุดมีแซว ๆ กับแจ็คกี้–ชาเคอลีน แม่น้องบอง?
“พี่น้องกันครับ”

ไปเล่นกันยังไงถึงมีกระแสบิลต์เกิดขึ้น?
“ก็แซวเค้านิดนึงแต่เป็นพี่น้องที่ดี”

คนยิ่งเชียร์ใหญ่เพราะเหตุว่าเราโสดทั้งสอง?
“จริงหรอ”

แจ็คกี้เค้ายกพี่เกรท–วรินทรอยู่บนหิ้ง เลยมาลุ้นเราแทน?
“สีผิวผมกับพี่เกรทก็พอได้นะ (หัวเราะ) ไม่มีอะไร เป็นพี่น้องกัน”

เวลามีข่าวแซวแบบนี้ซีเรียสแค่ไหนที่คนอื่นๆไม่เข้าใจจะมองเราเป็นคนเจ้าชู้หรือเปล่า?
“จริงๆผมไม่ค่อยซีเรียสนะ ถ้าไม่มีอะไรก็ชิลๆตัวเองไม่ค่อยรู้สึกอะไรมาก จะรู้สึกกับคนใกล้ตัวมากกว่า”

พอมีข่าวด้วยกัน บอล กัมมัญญ์ ได้คุยประเด็นนี้กับแจ็คกี้มั้ย?

“ก็คุยกัน แซวกัน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้”

กับแจ็คกี้โอกาสปรับเปลี่ยนสถานะเป็นศูนย์มั้ย?
“ไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ก็เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันครับ”

งานเยอะงานแน่นแค่ไหน เรียกว่าปีทองมั้ย?
“ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงกอบโกยธุรกิจของบอลด้วย วันหยุดไม่มี วันหยุดถ่ายละครก็เข้าออฟฟิศไม่มีนอนเต็ม 8 ชม.เลย นอนเยอะสุดประมาณ 4-5 ชม. มีปีที่แล้ว เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาคือนอนน้อยมาก”

ทำงานหนักเหมือนร้อนเงิน?
“ก็ด้วย (หัวเราะ) แต่ก็ไม่มีคนดูแลในบางช่วงงั้นดูเองก็ได้ก็เลยเต็มที่ พยายามโดดงานไปตีกอล์ฟบ้างแต่ก็ทำไม่ไดสักที ตอนนี้ชีวิตจะโหยหาเรื่องเวลานอนกับการตีกอล์ฟมากๆแต่ไม่มีเวลาเลย อยากไปตีกอล์ฟ ออกไปสูดอากาศดีๆ”

ได้ยินว่าเป็นพระเอกลูกรักบ้านพี่กอบสุข ผู้จัดละคร?
“จริงๆผมไม่ได้ชื่อบอลนะ ผมชื่อมะม่วง จารุจินดา (หัวเราะ) พี่อุ๊เค้ามีลูกสองคนใช่ไหมครับ มะเฟืองกับมะไฟ ผมเลยสถาปนาตัวเองว่าลูกคนที่ 3 เป็นมะม่วงเพราะว่าการแสดงไม่เก่ง แต่อ้อนเก่งครับ (หัวเราะ) จริงๆ เค้าให้โอกาส เราเลยทำเต็มที่ คือใครให้โอกาสบอล บอลก็รู้สึกว่าเค้าก็น่าจะเห็นอะไรในตัวบอลแล้วล่ะ เราแค่ต้องทำการบ้าน ทำให้เต็มที่มากที่สุด เราก็ต้องลงมือทำเท่านั้นเองครับ”.

ประวัติ บอล กัมมัญญ์ กลมแก้ว
บอล กัมมัญญ์ กลมแก้ว มีชื่อเดิมว่า จิตรภาณุ กลมแก้ว เกิดวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ที่กรุงเทพมหานคร ด้านการศึกษา จบการศึกษาจาก คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ปัจจุบันป็นนักแสดงสังกัด สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ด้านชีวิตในวงการบันเทิง เข้าสู่วงการจาการเป็น นายแบบ โฆษณา และโฆษณาที่ทำให้บอลรู้จักคือ โฆษณาทรู และต่อมาปี 2557 มีละครเรื่องแรก คือ ในม่านเมฆ รับบทเป็น ปลัดเกษตร และปี 2558 และมีละครเรื่องสอง คือ หงส์ (เลือดมังกร) รับบทเป็น เฉินอี้เสียง (วัยหนุ่ม) เรื่อง หนึ่งในทรวง รับบทเป็น หมอประสงค์ เรื่อง นางร้ายที่รัก รับบทเป็น หมวดศาสตรา หลังจากนั้นมีผลงานการแสดงต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ

ด้านชีวิตส่วนตัว เคยให้สัมภาษณ์มีช่วงหนึ่งที่สนใจเรื่องการลงทุน ไปลงเรียนเทรดออนไลน์แบบจริงจัง เพราะด้วยความที่ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ ช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ ทำให้ต้องหารายได้ เลยลองศึกษาเรื่องการลงทุนดู

เดนนิส ดา เอ็นโดรฟิน

"ดา เอ็นโดรฟิน" เปิดกฎ 3 เดือน สำหรับในการออกเดท เผยเรื่องรักกว่าจะได้พบ "เดนนิส"

นักร้องหญิง Diva ดา เอ็นโดรฟิน เป็นศิลปิน ที่แค่ ปริปากทุกเสียงที่ผ่านออกมา ก็เพราะอย่างง่ายดาย พร้อมด้วยมีพลังเสียง ไม่ธรรมดา สะกดสายตา ทุกการแสดง และมีผลงานเพลงดัง เป็นที่รู้จักจำนวนมาก ในแนวเพลง ทั้งป็อป ทั้งร็อค ซึ่งเธอได้จับไมค์ร้องเพลง มาตั้งแต่ ปี 2547 นับเป็นเวลากว่า 18 ปี บนเส้นทางสายดนตรี ที่ ดาได้พบการเปลี่ยนแปลง ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นยุคเทปแคสเซต ปีสุดท้าย ก่อนจะเปลี่ยนแปลง มาเป็นซีดี เป็นเอ็มพี 3 รวมทั้งสตรีมมิ่ง แต่ว่า ดาก็ยังยืนหยัด เป็นดีว่าตัวแม่ เป็นทางดนตรีได้อย่างสง่างาม

เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ดาเอ็นโดรฟิน ได้ควง เดนนิส สามีที่รัก มาเปิดเรื่องราวในชีวิต พร้อมทั้งเปิดเผยความรัก แบบทุกซอกทุกมุมในใจ ด้วยเหตุว่าอุ่นใจ ที่ได้มานั่งคุย มานั่งเล่า ตรงนี้ เป็นที่แรก แบบหมดเปลือก ตอนที่ ดาเป็นที่รู้จักโด่งดัง อาชีพนักร้องต้องมาก่อนความรัก หากความรักระหองระแหงก็เลิก

พร้อมเปิดกฎ 3 เดือนของ ดาเอ็นโดรฟิน ถ้าหากเดทกันแล้ว ไม่ใช่ก็เลิก เพราะเหตุว่าการคบนาน ไม่รับรองว่ารักจะรอด พร้อมอดีตก่อนหน้านี้ของ เดนนิส เจ้าชู้มาเยอะ แต่ ดาเอ็นโดรฟิน ก็ไม่กลัว เนื่องจากคิดว่า เดนนิส เปลี่ยนไป และยอมรับ พวกเราทั้งคู่ เป็นคนที่ต่างกัน แต่ว่าลงตัวที่สุด คนหนึ่งทำอะไรเพอร์เฟกต์มากมาย อีกคนเดี๋ยวค่อยทำ แต่ว่าก็ไปร่วมกันได้

ดา เอ็นโดรฟิน เดนนิส

พร้อมเปิดความสัมพันธ์ ที่เริ่มจากการ เป็นเพื่อนซี้กัน แตกต่างจากความมุ่งหวัง ที่จะต้องมาเป็นแฟน

ก็เลยทำให้ความสัมพันธ์นี้ ไปได้สวย และวินาทีสำคัญของชีวิต ดา เมาแล้วอยากร้องเพลง แต่ดันโดนเซอร์ไพรส์ เดนนิส คุกเข่าขอแต่งงาน

ในช่วงของชื่อเสียง ที่มันไม่ใช่แค่ค่อยๆ มันอยู่ดีๆ มันถูกโยนให้โครมใหญ่ มันเข้ามาเปรี้ยง มันมากับความรักหรือไม่ ?
ดา เอ็นโดรฟิน : มีแต่ผู้หญิงมาจีบ (หัวเราะ) เป็นเขาคิดว่าเราเป็นทอม จริงๆ ถ้าพูดแล้วอาจจะดูไม่ดีแต่ ดา รู้สึกว่าตอนนั้นมันไม่มีความรักอันไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าเราได้อาชีพเป็นนักร้องเลยโฟกัสที่นี่มากกว่า ถ้าความรักมันระหองระแหงไม่ไหวก็เลิก”

ดาบอกว่า ดาเป็นคนที่ คบใครแล้วคบนาน แต่ว่าการคบนาน ก็ไม่ได้การันตีเสมอว่า รักจะรอด มันก็เลยมีการ ตั้งกฎ บางกฎ ขึ้นมา ว่าตั้งแต่นี้ไป จะไม่เสียเวลานานแล้ว ?
ดา เอ็นโดรฟิน : “กฎ 3 เดือนของดา มันมาตอนที่ดาอายุ 33 – 34 ปี เพราะว่า Relationship สมมติว่าคบมา 4 ปี อุ้ย! ลืมตาขึ้นมาฉัน 33 แล้วเหรอ เอาอย่างไรดีถ้าไม่แต่งงานมีลูก เราไปเที่ยวรอบโลกแล้วนะ ช่วง 3 เดือน โปรโมชันของเราถ้าเกิดเดทแล้วคุยกันแล้วคุยคนเดียวด้วยนะคะ สามเดือนถ้ามีเคมีที่มันรอดมันจะไปต่อถ้ามันรู้สึก เอ๊ะ! ในความรู้สึกครั้งนี้ ดา คัทเลยไม่เอาแล้ว”

พอจะทราบไหม ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูเจ้าชู้ เช่นกันนะ ?
ดา เอ็นโดรฟิน : “โห! พี่ขา ดาเดินชนไหล่แฟนเก่าเขาเกือบทุกคนแล้วค่ะ”

แปลว่าอดีตก่อนหน้าที่ผ่านมา เป็นคนเจ้าชู้หรอ ?
เดนนิส : “ครับ (ยิ้ม)”

แล้วในขณะนั้นที่ ดา เอ็นโดรฟิน คุยกับเขา เราไม่กลัวเหรอว่าเขาจะเจ้าชู้ เป็นตัวท็อป ของโลกเลย ?

ดาเอ็นโดรฟิน : “คือ ตอนนั้นได้ฟิวส์บางอย่างว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะ”

เดนนิส : “ช่วงนั้นพอดีผมไม่ได้เดทกับใครประมาณ 2 ปีเลย ครั้งแรกในชีวิตเลยครับ ที่แบบพอแล้วที่อยู่ๆเกิดอาการแบบนี้คงเพราะว่าเราอายุมากขึ้นครับ ความสัมพันธ์เราเป็นแบบเหมือนเพื่อนซี้กัน ก่อนโรแมนติก”

มันเหมือนกับ ความคาดหวังมันต่าง กับคู่ที่จะมาเป็นแฟน ?
ดาเอ็นโดรฟิน : “ใช่ค่ะ มันเหมือนวางแพลนแล้ว มันไม่ใช่ กับอันนี้มันเหมือนเราไม่ได้วางแผนอะไร ไว้เลย แล้วเราก็ท้องเลย”

แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ถูกที่ถูกเวลา มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรา เข้าใจได้ แล้วคู่ของเราความแตกต่างระหว่าง เดนนิส กับ ดา มันคือเรื่องอะไรเอ่ย ?
ดาเอ็นโดรฟิน : “ชอบทำอะไรเพอร์เฟคมากทุกคน”

เดนนิส : “เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสหน่อยเป็นระเบียบเป๊ะ”

แต่ตัดภาพ มาอีกฝั่ง ?
ดาเอ็นโดรฟิน : “โยน (หัวเราะ) พรุ่งนี้ค่อยทำเหนื่อยมันก็ไปด้วยกันได้เนอะ”

มีแบบ โมเมนต์ มาขอแต่งงาน อะไรแบบนี้ไหม ?
ดาเอ็นโดรฟิน : “เมามากอยากร้องคาราโอเกะค่ะ ทุกคนเขาให้ เดนนิส ไปเซ็ตลำโพงเอาไมค์มาให้ฉันฉันจะร้องเพลง ปรากฎว่าพอเราหันหลังมาเขาก็มีดาวแล้ว คุกเข่าขอเราแล้ว แล้วเขาก็ร้องไห้”

เดนนิส : “เราดีใจ ที่เดอะ The One เจอคนแบบนี้”

เปิดหมดเปลือก เรื่องราวชีวิต และก็ความรัก ดาเอ็นโดรฟิน และ เดนนิส ได้ในรายการ Club Friday Show วัน เสาร์ ที่ 24 ธันวาคม เวลา 12.00 น. ทางช่องวัน31

ติช่า กันติชา

ปั้นมากับมือ! “ติช่า เดอะเฟซ” ภูมิใจ 1 ปีบุกเบิกความรู้เรื่องเพศศึกษาสู่สังคม พร้อมเปิดเคล็ดวิธีง้างปากคนดังพูดเรื่องเซ็กส์

“ติช่า กันติชา” ภูมิใจปั้นรายการเพศศึกษา “ I KAN TEACHA” จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับ ในสังคมไทยได้สำเร็จ ลั่นไม่อีโก้ดาราหลายท่านหันมาทำรายการแนวนี้ตามตน มองถือว่าตนบรรลุความสำเร็จที่สามารถทำให้การพูดเรื่องเซ็กส์ในที่ชุมชนเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยเยอะขึ้น จนถึงพูดเรื่องเซ็กส์ด้วยความมุ่งมั่นและก็จริงใจ ไม่หวังเอากระแส พร้อมแชร์ข้อมูล คนยุคปัจจุบันมีอารมณ์ทางเพศลดน้อยลง และก็ผู้ชายในยุคปัจจุบันผลิตอสุจิได้น้อยลงมากมาย

ทำรายการ I KAN TEACHA รายการที่ว่าด้วยเรื่องเพศศึกษามา 1 ปีเต็มแล้วทางช่องยูทิวบ์ ซึ่งถือว่าดารานางแบบสาว “ติช่า กันติชา ชุมมะ” เป็นผู้ก่อกำเนิดกระบวนการทำรายการเพศศึกษาในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ จนวันนี้มีดาราคนจำนวนไม่น้อยต่างเปิดรายการเพศศึกษาตามกันหลายรายการ ซึ่ง ติช่า มองเรื่องนี้ว่าเป็นความสำเร็จของเธอ ในแง่ว่าการพูดเรื่องเซ็กส์ในที่ส่วนรวมเป็นที่ยอมรับเยอะขึ้น

“ดีใจมากๆ เลยค่ะ ช่วงนี้โซเชียลมีเดีย ยูทิวบ์กว่ามันจะขึ้นแต่ละอย่างมันไม่เหมือนแต่ก่อน ด้วยตอนนี้ดาราก็หันมาเป็นยูทูปเบอร์กันทั้งนั้น ก็กลายเป็นว่ามีสื่อเยอะมาก ตอนแรกๆ มันก็ยากนิดนึง แต่พอมาเรื่อยๆ เรามีฐานแฟนจริงๆ ของเราแล้ว

1 ปีที่ผ่านมา ของรายการ I KAN TEACHA คนก็เริ่มเข้าใจเรามากขึ้น มีคนติดตาม มีคนชื่นชอบ เป็นอะไรที่ดีใจมากๆ เลยค่ะ ตอนแรกที่ทำติช่าก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาดี และเป็นที่ยอมรับในที่สุดเอาจริงๆ คิดว่าจะมีคนด่าเยอะกว่านี้ คิดว่าจะมีกระแสดรามา หรืออะไรก็ตามที่มันเยอะกว่านี้ เพราะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูดกันในเมืองไทย ตอนเราเริ่มทำ เราวางแพลนไว้แล้วว่าเราจะเริ่มพูดทีละน้อยๆ ค่อยๆ เพิ่มไป ถ้าจะมาแรงตั้งแต่อีพีแรกที่เหมือนทำอยู่ทุกวันนี้คนจะช็อก เราค่อยๆ บิวต์คนขึ้นมา คนเลยโอเค คนเริ่มเข้าใจ มันเลยออกมาดีมาก ดีกว่าที่เราคิดไว้มากๆ เลย คือเราคิดไว้แหละว่ามันจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่เราเว้นพื้นที่เผื่อใจไว้เยอะไง”

โคตรขอบคุณแขกรับเชิญ แล้วก็คอมเมนต์จากคนดู ที่กลายเป็นส่วนประกอบกันที่พอดี
“ดาราที่มาออก ตอนแรกเรารู้สึกว่ามันคงจะยากมากแน่ๆ แต่มันไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดไว้ เขามีความเปิดใจ เรารู้ว่าคนดังเขาจะมีแบรนด์ดิ้งเป็นของตัวเอง การที่จะมาพูดอะไรแบบนี้มันเซนซิทีฟมาก ที่คิดไว้คือมันต้องยากน่าดู แต่พอเขาเห็นเทปแรกๆ ที่เราทำมันออกมาเป็นยังไง แล้วฟีดแบ็กคนดู เขาดูด้วยความเข้าใจ มีการแชร์เรื่องราวกัน เขาเลยกล้ามาออก ทั้งตัวดารา และตัวคนดูมันมาเสริมกันทำให้ออกมาลงตัว ดาราก็เลยอยากจะออกมาแชร์เรื่องราวบางส่วนของตัวเองที่อยากจะออกมาพูด ติช่ารู้สึกโคตรขอบคุณเลย”

ติช่า เดอะเฟซ

เซอร์ไพร์ฐานแฟนรายการที่ดูเกินครึ่งเป็นผู้ชาย

“สิ่งที่เซอร์ไพรส์คือตอนแรกเราแพลนว่าจะทำให้มันเป็นรายการผู้หญิงมาคุยๆ กัน แต่พอไปดูเดโมกราฟิกของยูทิวบ์ครึ่งนึงเป็นผู้ชาย มันเครซี่ (ประหลาด) นะ แล้วบางอย่างเหมือนผู้หญิงคุยกัน LGBTQ ผู้ชายมาคุยบ้าง แต่ผู้ชายมาดูครึ่งนึงเลย มันเป็นฐานแฟนคลับที่เราไม่รู้ว่าเขามาดู เราคิดว่าคงจะมีแต่ผู้หญิงกับ LGBTQ คือรายการเราเป็นแนวเซ็กซี่ แสงไฟก็จัดแบบนีออน แต่ผู้ชายเขาก็อยากรู้ มันเลยทำให้เราเข้าใจว่าเขาเองก็มีความสงสัย ผู้ชายก็อยากจะรู้เหมือนกัน แต่เขาอาจจะไม่ได้มาคอมเมนต์โจ่งแจ้ง แต่เขาอยู่ดูจนจบ มากกว่า 50% ของช่องเราคือผู้ชายเลย มันเป็นอะไรที่เครซี่มาก”

ภูมิใจที่ทำ รายการ I KAN TEACHA ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาออกมาสู่สังคมไทยได้จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับ ลั่นจริงจังและจริงใจที่จะบอกเรื่องนี้ไม่คิดหวังเอากระแส
“รายการนี้เป็นรายการที่เราทำเอง ลงทุนเองทุกอย่าง จำได้เลยอีพีแรก มีคนดู 5,000 คน ยังคิดเลยว่ามันจะไปต่อไหวไหม แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันดี ตอนนี้มีคนซับเกือบ 400,000 แล้วภายใน 1 ปี ถือว่าเร็วนะ ก็ดีใจเราอยากจะนำเสนอเรื่องราวดีๆ แมสเสจดีๆออกไป รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองทำสำเร็จ คนเรามันมีหลายเรื่องที่เราสามารถแคร์ได้ แต่นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่เราแคร์ ที่เราอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงในสังคม คือการพูดเรื่องเซ็กส์ หรือการคุมกำเนิดต่างๆ ที่มันมีอยู่ในสังคมที่มันไม่ถูกพูดถึงเท่าไหร่ ถ้าเราทำเอากระแส เราก็คงจะพูดไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ พูดอะไรให้มันล่อแหลม แต่ไม่ให้ความรู้หรือไม่ได้ให้แมสเสจอะไรเลย รายการ I KAN TEACHA เราจริงจังและจริงใจที่จะพูดเรื่องเซ็กส์ที่ให้ทั้งความบันเทิงและแมสเสจ เรารู้ถ้ามีแต่ความรู้อย่างเดียวใครจะมาดูรายการเรา แต่ถ้ามาคุยสนุกด้วยแล้วก็เสริมความรู้เข้าไปมันก็กลมกล่อม”

ตั้งแต่ทำมาพบดราม่าแค่นิดเดียว
“มีนิดเดียวจริงๆ ค่ะ จะมีคอมเมนต์ว่าทำไมถึงพูดเรื่องแบบนี้ พูดตามตรงเลยนะ ถ้าใครได้ดูรายการ I KAN TEACHA แบบรายการเต็ม คนจะรู้เลยว่ามันไม่ได้หยาบคายเลย แต่ยอมรับว่าเราลงไฮไลต์แรงเพื่อดึงคนดู ซึ่งถ้าเขาไม่ได้ไปดูทั้งรายการ เขาจะดรามา ต้องดูรายการเต็มถึงจะเข้าใจมัน”

แต่ละเทปตนหาข้อมูลวิชาความรู้มาเสริมด้วยตัวเองร่วมกับทีมงาน
“ติช่าเป็นคนหาข้อมูลเองด้วยและมีทีมหาด้วย เราภูมิใจกันมากเลย เพราะแต่ละคนในทีมมีความเชื่อ ว่าเราไม่ได้จะทำเพื่อเงินหรืออยากจะเอาเป็นกระแสอะไรเลยนะ เราจะใส่ความรู้เข้าไปบ้าง บวกกับการแชร์ประสบการณ์ ซึ่งเรามองแล้วว่ามันจะเป็น Sex Positive คือการที่เราสามารถคุยเรื่องแบบนี้ได้ในสังคม ไม่จำเป็นจะต้องมารู้ทุกอย่าง มีทริกอะไร ใครจะเป็นคนซื้อถุงยาง ผู้หญิงพกได้ไหม น่าเกลียดไหม เรารู้ว่าเซ็กส์มีอยู่รอบตัว แต่ถ้ามันไม่ดีพอ มันจะยังไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้ ดีใจมากๆที่ความตั้งใจของเรามันเห็นผล และชื่นใจมากๆ กับกระแสตอบรับ”

ไร้อีโก้ หลายคนหันมาทำรายการเพศศึกษาเหมือนตน มองเป็นการดี แปลว่าตนทำสำเร็จ
“ตอนนี้หลายช่องเริ่มหันมาทำรายการแนวเดียวกับเรา เราไม่ได้มองว่ามันแย่นะ มันแปลว่าอะไรรู้ไหม มันแปลว่าเราทำสำเร็จนะ มันโพซิทีฟมากขึ้น คนอื่นเขาเห็นเราทำ ก็คิดว่างั้นฉันก็ทำได้ แต่ก่อนคนอาจจะมองว่ากลัวช่องโดนแบน กลัวโดนแบนจากสังคม กลัวคนมาพูดว่าทำช่องเกี่ยวกับเซ็กส์ หลายคนอาจจะแบบอุ้ย มาทำเหมือนเรา เรามีคู่แข่งแล้ว แต่ติช่าไม่ได้มองแบบนั้น

ตอนนี้ความรู้สึกของติช่าคือดีใจที่คนมองว่าเราทำรายการเพศศึกษา แล้วคนไม่ติดไม่มองว่าเราพูดแต่เรื่องเซ็กส์ แล้วอี๋เรา แต่คนเข้าใจในสิ่งที่เราแมสเสจไป มีคนเข้ามาคุยหลังไมค์กับติช่าเยอะมากๆ ดีใจที่เราได้ทำทุกๆ แมสเสจออกไปแล้วแชร์กับผู้คน ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องการคุกคาม คนจะส่งแมสเสจมาเล่าว่าเขาก็เคยเจอแบบนี้ ขอบคุณที่มาพูดนะ รู้สึกอายมานานมาก

เรารู้สึกว่าเรายังได้ทำประโยชน์ ได้ช่วยเขาไม่มากก็น้อย ต่อให้เขาอาจจะไม่ได้ชีวิตเปลี่ยนผันจากหลังมือเป็นหน้ามือ แต่เราได้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว มันเกิดขึ้นกับหลายๆคนในสังคม แต่เราไม่เคยรู้เรื่องนี่เพราะเรามัวแต่อาย แค่เขาได้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ติช่าว่ามันก็สำคัญแล้ว

ในท้ายรายการเราจะมีบทสรุปให้คนไปคิดต่อ แล้วมันมีหลายเรื่องเลยเขาเอาไปคิดต่อกันแล้วคอมเมนต์เข้ามา เพราะเรื่องเซ็กส์มันเป็นเรื่องส่วนตัว มันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน เธอชอบแบบนี้ ฉันชอบแบบนี้ ก็ไม่เป็นไร เช่น แขกรับเชิญบอกว่าฉันไม่ชอบอมเลย แต่ติช่าบอกฉันชอบ มันก็แล้วแต่เลยจริงๆ”

ก้าวต่อไปจากนี้ของรายการ I KAN TEACHA

“ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่เราสามารถพูดได้และอยากพูด ก็พยายามจะไต่ไปเรื่อยๆ ให้มันถึงตรงนั้น อยากจะให้ผู้คนมาแบ่งปันเรื่องราวกันมากขึ้น มีคนที่หลากหลายมาออกแต่ละเทป จะมีธีมใหม่ๆ แต่ขออุบไว้ก่อน ตอนนี้อยากจะทำตรงนี้ไปอีกนิดนึงก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน ค่อยขยับ เพราะตรงนี้มันยังเวิร์กอยู่ แต่จะบอกให้ประเด็นนึงที่อยากทำ คืออยากบอกเล่าว่าสังคมมนุษย์ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ล้วนมีความต้องการน้อยลงมาก ส่วนนึงมาจากความเครียด การใช้ชีวิต ส่วนนึงมาจากอาหารการกิน

รู้ไหมว่าผู้ชายในยุคปัจจุบันนี้มีอสุจิน้อยกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราไปมาก แบบน้อยมากๆ ส่วนนึงมาจากการกินอาหารที่มีไมโครพลาสติกผสมรวมเข้าไป ในร่างกายคนเราสมัยนี้ไม่อาจรู้ได้เลยว่าแต่ละคนได้รับไมโครพลาสติกหรืออะไรที่มันเจือปน ปนเปื้อนไปเท่าไหร่กันบ้าง ซึ่งนั่นมันส่งผลแล้วในตอนนี้กับตัวเราแล้ว ลองสังเกตสิ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงการถูกคัดเลือกจากธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ประชากรเยอะมากจนแทบจะล้นโลก และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ธรรมชาติกำลังคัดเลือก คนเลยน้อยลง ใครแข็งแกร่งก็ได้ไปต่อ”

อยู่กับเรื่องเซ็กส์มากก็จริง แต่ว่าไม่รู้สึกเอียนการมีเซ็กส์เลย แถมยังเอาแนวทางจากแขกรับเชิญไปทดลองใช้กับชีวิตเซ็กส์ของตัวเอง
“ไม่เลยค่ะ ด้วยมันเป็นเรื่องที่มันมาจากแพชชั่นของเราด้วยแหละ กว่ามันจะมีวันนี้ มีสปอนเซอร์ มีวิว คือเราปั้นนานมาก มันเลยต้องมีแพชชั่นจริงๆ ทุกวันนี้รู้ไหม ถ้าใครเริ่มมาคุยเรื่องเซ็กส์กับติช่าเราจะชวนนั่งกินกาแฟต่อเลยนะ คือเราไม่มายด์เลยนะ ถ้ามีคนมาเล่าว่า เฮ้ย! แก คือฉันอยากมีนะ แต่ฉันไม่ค่อยมี แค่นี้เราก็สนใจแล้วนะ โอ้ว ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอไม่มีล่ะ หรือเป็นเพราะอย่างนี้ อย่างนี้ เคยลองแบบนี้รึยัง ติช่าสามารถคุยไปได้เรื่อยๆ เพราะเราชอบมากๆ มีแขกหลายคนมากับเทคนิคของเขา วิธีการทำแบบนี้แบบนั้น เราก็เลยไปลอง แล้วทุกครั้ง แฟนก็จะว้าววว มีของใหม่มาลองอีกแล้วเหรอ”

วรรณสิงห์

วรรณสิงห์ เปิดใจ หลังเลิก มารีญา แผลใจไม่หาย ขอเว้นระยะห่างทำใจ

วรรณสิงห์ เปิดใจ หลังจากที่เลิกกับ มารีญา แผลใจยังไม่หาย ขอเว้นระยะห่างทำใจก่อน

ภายหลังตกลงใจยุติความสัมพันธ์ในฐานะคนรัก เหลือเพียงสถานะเพื่อน สำหรับคู่ของพิธีกรหนุ่ม สิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล กับสาวสวยดีกรีนางงาม “มารีญา พูลเลิศลาภ” ทำเอาแฟนๆ ของทั้งสอง ต่างเสียดายไม่น้อย

ล่าสุด ชายหนุ่มสิงห์ เปิดใจทีแรก หลังจากที่ได้มาร่วมงาน “GQ MEN OF THE YEAR 2022” ยอมรับแผลใจยังไม่หายเต็มเปี่ยม ขอเว้นระยะห่างจากอีกฝ่าย กลับมาเดินทางโฟกัสชีวิตตนเองอีกครั้ง พร้อมใช้ธรรมชาติเยียวยาจิตใจ ตอบไม่ได้ จะมีโอกาสรีเทิร์นรักไหม ในอนาคต

วรรณสิงห์ เปิดใจ

ภาวะจิตใจ วรรณสิงห์ เป็นยังไงบ้าง?

“กำลังฟื้นฟูครับ ทุกอย่างก็ตามกาลเวลา ถามว่ากี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าตอนนั้นหนึ่งร้อย ตอนนี้ก็ สิบเปอร์เซ็นต์ ก็โอเคครับ ยังไงก็ต้องฟื้นฟู เดี๋ยวก็ดีขึ้น ตามเวลา”

อยู่กับธรรมชาติ ทำให้ได้บำบัดตัวเองไหม? “ช่วยได้เยอะครับ อย่างก่อนหน้านี้ ผมมีโอกาสไปเยเมน ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่เหมือนที่ไหน บนโลก ก็ตัดมือถือไป 10 วัน ได้อยู่กับสิ่งที่รักเต็มที่ ทะเล ทะเลทราย ต้นไม้ที่ไม่มีที่ไหนบนโลกใบนี้ ก็เลยเป็นนิมิต ที่ให้กลับมาทำ “เถื่อน Travel” เดี๋ยวปีหน้า จะออกเดินทางเยอะมาก คงได้เห็นที่แปลกๆ บนโลกเยอะมาก ตอนนี้ก็กำลังติดต่อ ไปถ่ายกอริลลา ที่คองโก”

ได้มีการคุยกับน้องบ้างหรือไม่? “จริงๆ ตอนแรกเราก็พยายาม ที่จะเป็นเพื่อนกันให้ได้ ตอนนี้อาจจะเป็นผมเอง ที่ขอรักษาระยะแป๊บนึง แล้วเดี๋ยวเราก็ตั้งใจว่า ถึงจุดนึง ที่ทุกอย่างโอเคแล้ว เราก็เป็นเพื่อนกันได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร”

เลือกท่องเที่ยวเพื่อเยียวยาจิตใจ? “เราก็พยายามกลับไปเป็นตัวเอง ที่เราเป็นมาก่อนช่วงโควิด จริงๆ ก่อนโควิดทุกคน ก็เห็นผมไม่ว่าจะมีแฟน หรือไม่มี เราก็จะเดินทาง ตลอดอยู่แล้ว พอโควิดจบแล้ว มีโอกาสได้กลับไปทำ สิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง ค่อยๆ กลับมาทำงานที่เรารักจริงๆ มันก็เป็นทั้งการทำงานด้วย การเยียวยาด้วย ไปในตัวพร้อมๆ กัน”

คนจำนวนไม่น้อยเสียดาย ก็ยังแอบลุ้นจะมีโอกาสเป็นได้ไหม ที่จะกลับมาดังเดิม? “คือเรื่องโอกาสที่จะเป็นยังไงได้เหมือนเดิม คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม หรือน้อง แล้วแต่จังหวะชีวิตแต่ละคน พวกเราก็พยายามเต็มที่กันสุดๆ แล้ว ไม่มีใครมีความเสียใจ อะไรย้อนหลัง ไม่มีใครโทษกันและกัน ไม่มีใครโกรธกันและกัน เพียงแค่มันเป็นจังหวะชีวิต ที่มันไม่ได้จริงๆ แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น ถ้าวันนึงมัน จะกลับมา ก็เป็นของมันเอง โดยที่เราไม่ต้องไปอะไรมัน แต่ว่าคงไม่กำหนดกันไว้ก่อน ตอนนี้เขาก็โฟกัสชีวิตของเขา ผมก็โฟกัสชีวิตของผม”

เดี๋ยวนี้ ยังคุยกันอยู่ไหม? “พูดคุยกัน ถึงจุดหนึ่งครับ แต่ว่าตอนนี้ผมเองก็ ขอรักษา ระยะ นิดนึง เพื่อจะได้หายดี”

ค่อยมาอัปเดตอีกครั้ง? “จริงๆ อาจจะไม่ได้เจอแล้วนะ เพราะผมจะอยู่ในป่า เป็นหลักนะ (หัวเราะ) แบบนี้เป็นสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เคยชิน (หัวเราะ)”

แต่โอเคใช่ไหม ถ้าเกิดมีคนถามถึง เรื่องความรัก? “คงต้องโอเคแหละครับ เพราะว่าเราก็ทำงานตรงนี้ อย่างวันนี้ มารับรางวัลตรงนี้ (GQ) ตอนแรกเกือบจะ ไม่ได้มาแล้ว ตารางเดินทาง อาจจะไม่ได้อยู่ประเทศไทย ตอนนี้ แต่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย คิดว่าเราก็ทำงาน ที่เรารักต่อไป ก็มีความตั้งใจว่า เราอยากจะทำ เรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ เรื่องขยะเยอะมาก มีโอกาสออกงานใหม่ โอเค พูดเรื่องอื่นก็ได้ ถามเรื่องนี้ก็ได้ แต่ว่าก็อยากพูดเรื่องที่เราแคร์ที่สุด ก็คือเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่ดี ซึ่งวันนี้เวทีของ GQ ก็ให้โอกาสได้พูดถึงเรื่องนี้”

ถามเรื่องโดนแฮ็กทวิตเตอร์ แอบอ้างชื่อไปทำคริปโต? “ถ้าผมประกาศตรงนี้ ทวิตเตอร์ไทยแลนด์ จะสนใจไหม ผมยังไม่ได้แอ๊กเคาต์คืนเลยครับ (หัวเราะ) คืออยู่ดีๆ ก็มีคนขโมยทวิตเตอร์ ผมไป แล้วก็เอาไปขายคริปโต ตอนนี้ทวิตเตอร์ก็แบนว่าเป็นแอ๊กเคาต์ปลอม ผมเองก็พยายามแจ้งไปแล้ว ก็ยังไม่ได้คืน ถ้าทวิตเตอร์เมืองไทยฟังอยู่ ก็ช่วยด้วยครับ”

กลัวไหม ว่าเขาจะเอาไปสร้างความเสียหาย ให้เรา? “ตอนแรกก็กลัว ว่าจะเอาทวิตเตอร์ไปทำอะไร แต่ว่าไปๆ มาๆ เขาไม่ได้ต้องการใช้ชื่อเรา เขาต้องการยอดคนติดตามของเรา จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเรา เป็นอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็พยายามส่งข่าว เกี่ยวกับคริปโตให้กับคนที่ กดติดตามเรา ตอนนี้ทวิตเตอร์เอง ก็แบนแอ๊กเคาต์ไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้คืน ถามว่าแจ้งความหรือยัง ผมยังไม่ได้แจ้งความเลย แต่ถ้าสมมติไม่ได้แอ๊กเคาต์คืนมา ก็คงไม่ต้องไปแจ้งความแล้ว ถ้าคิดว่าจะเล่นทวิตเตอร์ต่อ ก็คงต้องเริ่มใหม่ แต่ว่าเผอิญโชคดี ไม่ได้เล่นทวิตเตอร์มานาน ก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเฟซบุ๊ก ยูทูบ หรือ ไอจี ที่เกี่ยวกับงานเยอะๆ น่าจะปัญหาหนักกว่านี้ ไม่น่าพูดเลย เดี๋ยวชี้ช่องทางให้เขาไปแฮ็ก อย่าแฮ็กนะครับ (หัวเราะ)”

เสียดายไหม? “ในแง่นึงก็เสียดาย อีกแง่นึง ก็เป็นการฝึกจิตใจ ว่าอย่าไปคิดอะไรมากเลย เกี่ยวกับเรื่องโซเชียล ชีวิตนี้เราก็อยู่กับมันเยอะแล้ว ผมเองก็ไม่ใช่วัยเด็กๆ แล้ว 38 แล้ว ก็อยู่ในวัยที่อยากไปทำอะไร ที่ไม่ได้อยู่ในโลกออนไลน์ ไม่ต้องอัพอะไรตอดเวลา ในเมื่อชีวิตเจอแบบนี้ เราก็หาบทเรียนจากมัน แล้วก็คิดว่า อย่าไปคิดอะไรมากเลย แต่ถ้าทวิตเตอร์อยากให้คืน ก็เอามาได้นะครับ อยากได้นะครับ”

ตั้งใจไม่ต้องการที่จะอยากเสพโซเชียล มันเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไหม? “(หัวเราะ) จริงๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ผ่านมา อย่างที่บอก อายุก็เยอะแล้ว อยากใช้ชีวิตศึกษา เรื่องที่น่าสนใจ ของโลกมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรม เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องประเด็นทั่วโลก ทีนี้บางทีเราก็เหมือนทุกคนแหละ อยู่ดีๆ ก็พบว่าเวลาในโซเชียล มันหายไปเยอะมาก อยู่ดีๆ ก็โดนดูดไปไถนั่นไปนี่ หรือแม้กระทั่งคุณค่าของตัวเราเอง กลับมาโดนวัด ด้วยตัวเลขเหล่านี้ เยอะมาก ก็เลยถ้ามีโอกาส ได้ลดมันลงไป ทั้งตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีครับ”

เอ้ ชุติมา

“เอ้ ชุติมา” ร่ำไห้! รักได้ไม่จำกัดเพศ ต้องการเจอคนจริงใจไม่เจ้าชู้

นักแสดงโด่งดัง ที่มีดีกรีความสวยระดับนางสาวไทย เอ้ ชุติมา นัยนา ออกมาเปิดใจ ย้อนเล่าเหตุฝังใจ โดนบูลลี่

อัพเดตชีวิตโสด หลังจากจบรัก 6 ปี กับแฟนหนุ่มรุ่นน้อง ขณะนี้ฮอตสุดๆ มีคนรุมจีบมากมาย พร้อมสารภาพว่า เป็น LGBTQ รักได้ไม่จำกัดเพศ ร่ำไห้อยากได้คนรักที่จริงใจ ไม่เจ้าชู้สักหนึ่งครั้ง ในรายการ WOODY INTERVIEW

เรื่องที่หนักสุดในรอบ 6 – 7 ปีที่ผ่าน ?

เอ้ชุติมา : นี่จะเป็นรายการแรกที่เอ้จะพูด พี่ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร ถ้าใครดูพี่จริงๆ พี่เป็นดี้ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนตั้งแต่ประถม ไม่เคยมีแฟนผู้ชายมาก่อน เพิ่งมีแฟนเป็นผู้ชายคนแรก เพราะเนื่องจากเป็นนางสาวไทย พี่มีแฟนเป็นทอม ตั้งแต่ ม. 1 – ม. 6 พี่ได้นางสาวไทยปี 1 เท่ากับ 7 ปี แล้วพอเป็นนางสาวไทย ข่าวก็ออกว่าพี่ไปตีฉิ่งตีฉาบ แล้วทุกอย่างประเดประดังมาที่พี่ แล้วให้พี่เลิก แล้วจะให้ใช้ชีวิตเป็นผู้หญิง ที่มีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ก่อนสังคมไม่เปิดรับ ก็ต้องเลิก ร้องไห้ทุกวัน ผูกพันธ์กันมาก เขาเป็นคนที่ดี ดูแลพี่มาตลอด ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ พอหลังจากนั้นมา ก็เริ่มคบผู้ชาย ก็โดนหลอกเลย หลอกทั้งเงิน ทุกอย่าง เราก็เลยหยุด กลับมาคบทอมเหมือนเดิม โดยที่คนในวงการบันเทิงไม่มีใครรู้เลย ไม่ได้บอกใคร แต่มีข่าวออก

เอ้ ชุติมา วู้ดดี้

เป็นไปได้ไหมว่าวันนี้พี่ เอ้ ชุติมา ก็คือ LQBTQ

เอ้ชุติมา : ใช่ค่ะ คือจริงๆ เป็นมานานแล้ว แต่ว่าไม่เคยบอกใคร ด้วยความที่เรามีมงกุฎ แล้วไม่มีนางสาวไทย คนไหนเป็นแบบพี่ เอ้ไม่ได้จำกัดเพศอะไรเลย ความรักมันสวยงามทุกอย่าง ผู้หญิงเวลาเขาอยู่ด้วยอบอุ่น แต่เขาขี้หึง แต่ไม่ทำให้เราเจ็บใจ ไม่เจ้าชู้ ผู้ชายอบอุ่นไหม อบอุ่น แต่ผู้ชายบางคนเจ้าชู้ การเจ้าชู้มันทำให้ผู้หญิงเจ็บ ผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียวแบบพี่

อยากเจอคนที่จริงใจ ไม่ต้องการคนรวย ต้องการคนที่ทำงานไปกับพี่ จริงใจแล้วสร้างอนาคตไปด้วยกัน อยู่ด้วยกันจนวันสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใดก็ตาม ขอให้คุณรักจริงๆ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณเลย ชีวิตพี่ขอความรักดีๆ สักครั้งหนึ่ง (ร้องไห้) ที่จริงใจไม่เจ้าชู้ เป็นคนรักใครรักจริงนะ รักมาก ใครก็ได้ที่เป็นคนดี อย่าโกหกเรา สร้างฝันไปด้วยกัน แล้วเห็นเรามีค่า

พี่ต้องได้เจอ คนที่คู่ควรแน่ๆ

เอ้ชุติมา : ใช่ อยากโสดสักพักใหญ่ๆ เลยค่ะ ไม่ได้อยากร้องไห้แต่ความรู้สึกข้างในคือแบบ พี่เป็นคนเต็มร้อยกับแฟนมาก เต็มร้อยกับคนที่พี่รักทุกคน พี่ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมต้องเจ้าชู้กันอ่ะ ทำไมรักเดียวใจเดียวกันไม่เป็นเหรอ เจอยังงี้ทั้งชีวิตเลย พี่ถึงได้คบทอมไง เอาตรงๆ นะ ที่เลิกกับแฟนเก่าไป ทอมจีบพี่เยอะมาก ผู้ชายก็เยอะมาก ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเปิดใจกับใคร เพราะอายุเยอะ 55 แล้ว

ถ้าคุณมั่นใจ ว่าจะไปกับเอ้จริงๆ คุณต้องรอเอ้ให้ได้ ขอคนจริงใจเท่านั้นเอง ต่อให้รวยล้นฟ้า ท้ายสุดเวลาที่อยู่ในโลง ก็เอาเงินเอาทองไปไม่ได้ ความดีมันก็จะอยู่กับเราตลอดไป เป็นคนที่ทุ่มเทกับแฟนมาก 6-7 ปี อาถรรพ์เลิกกันกับแฟนทุกครั้ง ไม่เคยมีใครพ้น 7 ปี สักคน เราก็แปลกใจ แต่อย่างน้อยๆ คนที่เคยคบกับเขาก็รักเรานะ แต่ด้วยวัยของเขา พอเข้าปีที่ 6 เขาเริ่มสนุกกับการเที่ยวสนุกกับผู้หญิงกลางคืน มันก็เลยทำให้เราต้องถอยห่าง เขาก็ง้อเรานะ แต่พี่จบแล้ว

เพราะเหตุใดถึงชอบเด็กกว่า ?

เอ้ชุติมา : เราเป็นคนสนุกอ่ะ เวลาอยู่กับเพื่อน หรืออยู่กับเด็ก พี่จะขี้อ้อนเหมือนเด็ก ตั้งแต่เด็กจนโต ชอบคนอายุน้อยกว่าอยู่แล้ว นี่คือเด็กสุด แต่มันก็มีระยะห่างความต่าง เด็กสุดต้องทำใจว่าวันหนึ่งเด็กคนนี้ พอเริ่มเรียนรู้ที่จะโตขึ้น มีสังคม วันหนึ่งเขาต้องไปที่อื่นแน่ๆ คิดไว้แล้ว เพราะเรามีเพื่อนเกย์ เพื่อนสาวเยอะ เพื่อนก็จะสอนว่า เราอายุขนาดนี้ มันไม่มีความรักที่เด็กจะมาจริงจังกับเรา ที่อายุมากขนาดนี้ เราก็เข้าใจ

เพราะวันหนึ่ง เขาก็ต้องอยากมีครอบครัว ซึ่งพี่เอ้มีลูกให้ไม่ได้ เราต่างกัน 31 ปี เราพยายามสอนเขา เป็นทั้งแม่ ทั้งเมีย ทั้งเพื่อน และพี่ เป็นครูเขาด้วย ทุกอย่างสอนหมด แต่จุดๆหนึ่ง ที่ทำให้ผู้หญิงอย่างพี่แกร่งมาก ต้องไปจริงๆ คนบูลลี่เรา แหม! ตอนรักกันหวานชื่น ออกทีวี เอ้า! คนรักกันไม่ให้หวานออกทีวี จะให้ทำอะไร ส่วนคนเลิกกัน ก็เลิกกันไง คนไม่เข้าใจ บางคนก็มาด่าเรา มาซ้ำเติม บางทีมันแค้น ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คนไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม เลิกกับแฟนก็ช้ำพออยู่แล้ว จะซ้ำเติมเพื่อ ไม่ได้สนใจหรอกนะ แต่ความรู้สึกคือ อยากฟ้องแล้วจ่ายฉันด้วยเงิน

 

สามารถติดตาม WOODY  INTERVIEW ได้ที่ทาง Facebook : Woody , Youtube : Woody

คลิกดูย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=QCif_kOL2c4&list=RDCMUCPWauUGtqP4B1Aw3UoHI2ew&start_radio=1

อาเล็ก โบว์ เมลดา

“โบว์ เมลดา” ยืนยัน “อาเล็ก” ไม่ได้หยิ่ง บอกเหตุผลที่ไม่ยอมจับมือแฟนคลับ ?

“โบว์ เมลดา” การันตีแทน “อาเล็ก” มิได้หยิ่ง บอกเหตุผลเพราะเหตุไรแฟนหนุ่มไม่ยอมให้จับมือ ?

มีข้อความสำคัญให้หวานใจคนงาม โบว์ เมลดา จำต้องออกมาจัดการแทนก่อน หลังจากมีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นติ๊กต็อกรายหนึ่ง ลงคลิปพระเอกหนุ่ม อาเล็ก ธีรเดช ไม่ยอมให้จับมือ จน

เกิดดราม่าว่ากล่าว หนุ่มอาเล็กหยิ่งจำนวนไม่ใช่น้อย

โบว์ เมลดา

โดยสาวโบว์ได้พูดถึง ข้อความสำคัญดังที่กล่าวมาข้างต้น

ในงานมูลนิธิรามาธิบดีถ่ายทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนระดมทุน ณ บริษัท ไทรทัน จำกัด การันตีแฟนหนุ่ม มิได้หยิ่งแน่นอน

“ถ้าพี่อาเล็กหยิ่ง ทั้งวงการคงหยิ่งมากแล้วมั้ง หนูว่าพี่อาเล็กไม่น่าจะหยิ่งหรอกค่ะ ในคลิปโบว์เห็นแล้ว เขาบอกว่าอาเล็กขอจับมือหน่อย อาเล็กก็บอกว่ามือเปียกๆ อยากจับมือเปียกๆ กันเหรอ มันอาจจะเลอะอะไร มาสักอย่าง เขาก็เลยเกรงใจ หนูว่ามันเป็นเหตุการณ์ ที่เขาก็หวังดีด้วย ไม่อยากให้พี่คนสวยคนนั้น รู้สึกเลอะเทอะมือ เขาอาจจะไปฉีดสเปรย์แอลกอฮอลล์ แล้วอาจจะเหนียวอยู่ ก็สงสารเขาเหมือนกัน ถ้าเจอกันคราวหน้า หนูเชื่อว่าพี่อาเล็กต้องจับมือแน่นอน”

“แต่ยังไม่ได้คุยกับพี่เล็กค่ะ ว่าได้เห็นอะไรหรือยัง แต่โบว์ก็ไปได้ยินมาว่า มีคนบอกว่าเขาหยิ่ง เลยคิดว่าไม่น่าใช่พี่อาเล็กมั้ง แต่ก็นั่นแหละค่ะ อยากให้หลายๆ คนเข้าใจว่าไม่หยิ่งหรอก หนูว่าถ้าสถานการณ์นั้น เขามือแห้งแล้ว ทุกคนก็น่าจะได้จับมือกันแหละ”

“ส่วนเรื่องชุดที่ใส่ไปทะเล ให้ผู้จัดการ กับแม่สกรีนก่อนมั้ย จริงๆ เราก็เซ็กซี่อยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่คนอาจจะไม่ค่อยเห็น เพราะปกติจะใส่เสื้อยืด แต่ด้วยความที่เราไปทะเล ก็อยากจะมีฟีลออนเดอะบีชหน่อย แต่อันนี้เบาแล้วนะ แต่มันมีชุดที่เยอะกว่านี้ ก็เคยลงไปนานมากแล้วนะ”

“คนที่สกรีนให้ ก็มีพี่เบิ้ม กับแม่ค่ะ เขาก็ถามว่าชอบไหม ถ้าชอบก็ลง ส่วนพี่เล็กก็จะไม่ได้ห้ามอะไร แต่จะให้ดูว่าพี่ชอบมั้ย แจ้งให้ทราบ คือเราต้องให้หลายๆ คนดูว่าภาพมันโอเค ทั้งเพศหญิง เพศชายทุกคนเลยว่าอะไรยังไง พี่เล็กไม่เคยห้ามค่ะ แต่ก็ดูแหละ บางทีก็มีบอกว่าพี่ว่ามันเยอะไป แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีที่เยอะเกินไปค่ะ”

“ที่คนมองว่าพี่อาเล็ก ชอบคอมเมนต์เหมือนประชด หนูว่าเขาไม่ประชดหรอก เขาอิจฉา(หัวเราะ) มีบางทีเวลาเห็นเสื้อโบว์ พี่เล็กก็อยากใส่ เพราะเสื้อสวย เขาบอกว่าตัวนี้พี่ขอได้ไหม มันมีไซส์ใหญ่กว่านี้ไหม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อยืด หรือบางทีกางเกงขาสั้น เขาก็จะถามว่า มันมีไซส์ใหญ่กว่านี้ไหม หนูก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่เราก็ไว้ใจ”

“สำหรับคอนเทนต์ ชุดว่ายน้ำของพี่อาเล็ก อย่าเพิ่งเลย เพราะมีคนทำคอนเทนต์นี้อยู่ ก็ให้เขาทำไป เราอย่าเพิ่งไปแย่งเขา คือถ้าพูดตรงๆ ก็สงสารคุณผู้ชมที่ต้องมาเห็น เพราะเขาไม่ได้ตัวบางนะ เขาเป็นคนมีกล้าม ถ้าให้มาใส่ขาสั้น เอ๊ะ จะไหวเหรอ แต่เขาไม่ได้กล้ามปูหุ่นหมีนะ ตอนนี้ลีนแล้วค่ะ ถ้าอยากดู ก็เข้าไปดูได้ที่ เทรนเนอร์ เขาลงอัปเดตตลอด ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าหล่อขึ้นกว่าเดิม จากที่หล่ออยู่แล้ว ก็หล่อเลย ถามว่าหลงมั้ย ไม่หลงเขาแล้วจะให้ไปหลงใคร (หัวเราะ)”

“เพลง แฟนผมน่ารัก ยอดตามเป้า 20 ล้านวิว เดี๋ยวจะมีโปรเจกต์พิเศษ ตอบแทนคุณผู้ชมนะคะ ดีใจมากๆ ตอนแรกเราคาดหวังไว้แค่สัก 5-6 ล้านก็เยอะแล้วนะในยุคสมัยนี้ แต่ 20 ล้าน นี่ไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วดันไปพูดกับพี่ในกองแล้วว่าถ้าถึง 20 ล้านนะ แซลมอนยกกองแน่นอน ไม่ต้องห่วง ก็ตามนั้นค่ะ ต้องเลี้ยง ต้องซื้อแล้วล่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้มีไปมูที่ไหนเลย น่าจะเป็นที่ยุคสมัย ที่เพลงในยุคนี้ เป็นจังหวะประมาณนี้ด้วย ฟังง่าย เต้นง่าย”

“ขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนให้เกียรติกับเพลงเรา เอาเพลงเราไปใช้ในรีวิวต่างๆ หรือว่าในคลิปต่างๆ ขอบคุณมากๆ นะคะ มีบางคนเต้นกับแฟน ก็น่ารักมาก แต่เรายังไม่ได้เต้นเลย มีแค่ถ่ายเล่นๆ เพราะทางค่ายบังคับให้ถ่าย แต่อยากถ่ายด้วยกันแบบน่ารักๆ แต่เขายังไม่ยอมเต้น ยังเขินๆ อยู่ เขาเขินเพราะแฟนเขาสวยไง (หัวเราะ)”

โบว์เมลดา

ยินดีถ้าจะมีเพจทวงคืน “โบว์ เมลดา” เพราะตอนนี้เห็นมีแต่ทวงคืน “อาเล็ก”

“เมื่อก่อนเคยมีนะ แต่หลังๆ เขาก็ไม่ค่อยแล้วค่ะ หลังๆ เริ่มทวงคืนอาเล็ก ธีรเดช ก็จะเป็นสาวๆ แล้ว เดี๋ยวนี้สาวๆ เริ่มออกตัวมากกว่าหนุ่มๆ เขาก็คงเริ่มสงสารพี่อาเล็กที่ต้องมาเจอโบว์ รับมือกับโบว์

แต่ถ้ามีเพจทวงคืนโบว์จริงๆ ก็เปิดเลยค่ะ แต่จะมีคนอยากทวงหนูด้วยเหรอ ทวงคืนโบว์ เมลดา จากอะไรก็ได้น่ะเหรอ ทำเลย เดี๋ยวโบว์จะเข้าไปดู เข้าไปกดไลก์ เพราะชอบเข้าไปอ่าน แต่จะทวงคืนสำเร็จไหม ของแบบนี้ ตอนนี้มันก็ยังรักเอยเตยหอมอยู่นะช่วงนี้ ยังใหม่ๆ อยู่ ก็น่าจะยากนิดนึง (หัวเราะ)”

บอกแก้บนไข่ต้ม 100 ฟองที่ขอให้ฝนหยุดตกเรียบร้อย
“ใช่ค่ะ ถวายไข่ต้ม 100 ฟองค่ะ เพราะวันที่ไปร้องเพลง ที่เอ็มควอเทียร์ ฝนมันตก เราก็เลยบอกว่า พระพรหมเจ้าที่เจ้าคะ ขอให้ฝนหยุดตกตอนหนูร้องเพลงได้ไหม แล้วเดี๋ยวหนูจะถวายไข่ต้ม 50 ฟอง ก็หยุดแป๊บนึงแล้วก็ตกมาใหม่ แสดงว่าท่านไม่ชอบ หนูก็เลยบอกว่างั้น 100 ฟองไปเลยเจ้าค่ะ ก็หยุดให้ช่วงที่โบว์ร้อง

คือโบว์บอกว่าหยุดตอนไหนก็ได้เจ้าค่ะ ตอนที่ยังมีโบว์ยืนอยู่ แต่ถ้าคนอื่นขึ้นจะตกมาเลยก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร (หัวเราะ) แต่หยุดจริง แล้วเขาก็หยุดให้ยาว แต่พองานจบก็ตกซู่เลยค่ะ หนักมาก มาแบบนี้ก็ต้องพึ่งไสยศาสตร์กันบ้าง”

แพท พาวเวอร์แพท เคาะสนิมงานดีเจเปิดแผ่น

“แพท พาวเวอร์แพท” เคาะสนิมงานดีเจเปิดแผ่น ประเดิมโชว์คราวแรกในรอบ 20 ปี

เป็นนักร้องมากความสามารถอีกหนึ่งคน สำหรับชายหนุ่ม “แพท วรยศ บุญทองนุ่ม” หรือ “แพท พาวเวอร์แพท” นอกจากจะแต่งเพลง เล่นดนตรี และก็เก่งด้านงานศิลปะมีฝีมือการวาดภาพที่สวยจนหลายท่านยอมรับในผลงานแล้ว ล่าสุดยังเดินสายเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่เคยก้าวพลาด เพื่อเป็นบทเรียนและก็สร้างแรงดลใจ ไม่ให้ใครจะต้องหลงทางเหมือนตัวเอง คิววิทยากรยาวไปถึงปีต่อไป เรียกว่าตั้งแต่ได้รับอิสระก็ได้รับจังหวะดีๆเยอะมาก

ล่าสุดเจ้าตัวยังกลับไปเคาะสนิมงานดีเจ แนวดนตรี EDM หรือ Electronic dance music ที่เคยทำเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุว่าเป็นอีกหนึ่งความรู้ความเข้าใจที่มีติดตัวตั้งแต่ว่าสมัยเป็นวัยรุ่น

ภายหลังซุ่มฝึกฝนรื้อฟื้นวิชาดีเจมากว่า 2 เดือน เวลานี้แพทพร้อมแล้วที่จะลุยงานสายนี้ โดยเตรียมตัวประเดิมโชว์หนแรกในวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค.นี้

แพท พาวเวอร์แพท

แพท พาวเวอร์แพท พร้อมเผยว่าชีวิตที่ผ่านมาก่อนหน้านี้สูญเสียโอกาสไปเยอะ

จากความบกพร่องของตน พอได้เริ่มชีวิตใหม่ก็เลยอยากทำสิ่งที่รักหลายๆอย่างให้เต็มกำลัง

“ตอนนี้มีหลายอย่างที่ได้ทำครับ นอกจากงานดนตรีแล้วก็มีงานด้านอื่นๆ ด้วย อีกงานที่ทำจริงจังตอนนี้คือการเป็นวิทยากร ไปถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ผมเคยทำผิดพลาดเพื่อให้แง่คิดกับคนอื่น จะได้ไม่เลือกทางเดินผิดๆ เหมือนผม ที่ผ่านมาก็มีติดต่อมาเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้มีคิวไปถึงปีหน้าแล้ว อย่างเดือนนี้ก็มีไปต่างจังหวัดหลายที่เหมือนกันครับ ทุกที่ที่ไปนอกจากพูดคุยแล้วเรายังเล่นดนตรีให้ฟังด้วย เพราะอยากให้บรรยากาศน่าสนใจ มีทั้งสาระและบันเทิง และได้แรงบันดาลใจกลับไปด้วย”

สนุกที่ได้ทำความเข้าใจอะไรใหม่ๆ ล่าสุดกลับไปเคาะสนิมวิชาดีเจเปิดแผ่น ซึ่งเป็นความสามารถเก่าเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา
“ผมกลับไปรื้อฟื้นวิชาดีเจ เพราะเคยเล่นช่วงวัยรุ่นตอนอายุ 20 ต้นๆ มีความสนใจศาสตร์ทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่ในตอนนั้นผมเป็นนักร้องก่อนแล้วถึงมาเป็นดีเจ ก็เล่นจริงจังซื้ออุปกรณ์เองเลยครับ ก็ทำควบคู่กันไปกับการร้องเพลง ครั้งสุดท้ายที่ได้จับงานนี้ก็น่าจะประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ไปเปิดตามอีเวนต์เปิดตัวสินค้าต่างๆ ตามคลับก็มีบ้าง ทำอยู่เกือบ 2 ปีครับ”

“สมัยนั้นผมเคยประกวดดีเจด้วยครับ เป็นรายการแรกในประเทศที่เอาเด็กในประเทศไทยมาแข่งกัน ผมเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย รอบไฟนอลต้องไปแข่งที่พัทยา เวทีหันหน้าเข้าทะเล เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ยุคนั้นก่อนไปทำอาชีพดีเจผมก็มีไปเรียนในสถาบันที่เขาเปิดสอนดีเจด้วย คือจริงจังเลยเหมือนกัน”

“ครั้งนี้ก็เรียกว่าได้กลับมาทบทวนความรู้นี้ในรอบ 20 ปีเลยครับ มาอัปเดตเทคนิค เทคโนโลยี และแนวเพลงใหม่ๆ รวมถึงสไตล์และวัฒนธรรมของคนที่ฟังเพลงแนว EDM หรือ Electronic dance music”

“ผมได้รับคำแนะนำจาก พี่เอ ไวตามินเอ ซึ่งพี่เอก็เป็นศิลปินในยุค 90 ที่รู้จักกันดี แล้วพี่เอก็มีความสนใจทางด้านดีเจจนตั้งใจศึกษาจนเปิดอะคาเดมีเป็นโรงเรียนสอนทางด้านนี้โดยตรงมา 10 กว่าปีแล้ว แล้วพี่เอก็ยังทำเป็นเหมือนค่ายเพลงเล็กๆ แนว EDM และผลิตศิลปินขึ้นมา ผมได้รับคำแนะนำจากพี่เอเยอะมาก พี่เขาเป็นคนที่เก่ง และแนะนำได้ตรงเป้าและถูกจุด ทำให้ผมกลับมาได้ไวมากๆ ทำให้ผมมีความรู้และทักษะใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ”

ซุ่มเรียนกว่า 2 เดือน ต้องรื้อวิชาใหม่หมด แนวเฮาส์เป็นทางที่แพทชอบ
“ไปเรียนกับพี่เอเกือบ 2 เดือน มีอะไรที่ไม่เหมือนเดิมเยอะมากๆ ทั้งเรื่องของเทคโนโลยี และอุปกรณ์ แล้วสิ่งที่อุปกรณ์ซัพพอร์ตคนเล่นก็คือทำให้คนเล่นเป็นเหมือนศิลปิน ในการที่จะสร้างสรรค์ในการดีไซน์เสียงให้มันออกมาได้มากมายกว่าเดิมมาก เรียกว่าเหมือนการวาดรูปเลย เครื่องตอบสนองให้กับคนเล่นได้เหมือนพู่กันเลยครับ ละเลงสี ต้องการแบบไหน สามารถตอบสนองได้ตามจินตนาการแทบจะทุกอย่างเลย”

“เราสามารถที่จะดีไซน์อะไรต่างๆ ได้ที่นอกเหนือจากที่เราเปิดเพลง ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคต่างๆ เอฟเฟกต์ต่างๆ ที่เราสอดแทรกเข้าไป การร้อยเรียงเพลงให้ต่อเนื่องกัน และการนับห้องนับจังหวะ ดูคีย์เพลง ก็เหมือนการเล่นกีตาร์ หรือเล่นดนตรีทั่วไปเลย ผมก็นำทักษะด้านการเล่นดนตรีมาประยุกต์ใช้ด้วย เนื่องจากเรามีพื้นฐานในการเล่นดนตรีมาก่อน ทำให้เราใช้เวลาไม่มากในการที่จะกลับมาเล่นอีกครั้งนึงครับ”

“แนวเพลง EDM จะมีหลายแนว มีเยอะมากครับ แล้วแต่ความชอบของดีเจแต่ละคนที่จะเลือกเล่นแนวที่ตัวเองชอบได้เลย ผมจะชอบแนวเฮาส์(House) ก็คือจะมีความสวยงาม มีความไพเราะ แล้วบางแนวเพลงที่เราเล่นก็จะมีความเป็นมนุษย์อยู่ในนั้น เช่น มีเสียงร้องได้ มีเสียงกีตาร์ได้ในบางครั้ง ไม่ถึงกับเป็นอิเล็กทรอนิกส์ร้อยเปอร์เซ็นต์”

 

พร้อมแล้ว เตรียมตัวประเดิมกลับมาเป็นดีเจในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ โชว์ 2 รอบ ที่ร้าน FINAL WALK CLUB ถนนรัชดาภิเษก 14

“ตั้งแต่กลับไปฝึกฝนมา ผมเคยโชว์ไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่เป็นการ Live ในช่อง YouTube ของตัวเองให้แฟนคลับชม แต่วันที่ 9 ธันวาคม นี้ จะเป็นครั้งแรกในการโชว์เล่นสดๆ ต่อหน้าคน เป็นเหมือนคอนเสิร์ตเพียงแต่ว่าเป็นศิลปินทางด้านดีเจ วันนั้นนอกจากผมแล้วจะมีศิลปินในค่ายของพี่เอมาร่วมแจมด้วย”

“งานจะมีตั้งแต่เวลา 19.00 น. ไปจนถึงเที่ยงคืน สำหรับโชว์ของผมจะมี 2 ช่วง คือเวลา 20.00 น. – 21.00 น. และเวลา 22.00 น. – 23.00 น. ทั้ง 2 ช่วงแนวเพลงจะต่างกัน ช่วงหัวค่ำก็จะเป็นแนวสนุกๆ หน่อย แต่ฟังไม่หนักหน่วงมาก เพราะๆ สวยๆ แต่ไม่หงอย ส่วนช่วงดึกเพลงก็จะแรงขึ้นมานิดนึง มันขึ้นมาอีก เดือดขึ้นมาอีก และมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ ให้คนที่ไปชมในวันนั้น ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อยากให้ทุกคนไปอยู่ในบรรยากาศนั้นด้วยกันมากกว่า อยากให้ไปสนุกไปมีความสุขด้วยกันครับ”

มีไฟตลอดเวลา แทบ 2 ปีตั้งแต่ได้รับอิสระออกมาเริ่มชีวิตใหม่ แพทไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง
“เพราะสูญเสียโอกาสไปเยอะในช่วงที่อยู่ข้างใน พอออกมาแล้วก็อยากทำในสิ่งที่เราชอบเราสนใจ นอกจากงานเพลงและศิลปะแล้ว งานดีเจก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมเคยทำมาก่อน เป็นอีกหนึ่งความสามารถของเราด้วย พอมีโอกาสก็เลยอยากลองทำอีกครั้งนึงควบคู่ไปกับงานด้านอื่นๆ ที่ทำอยู่ในตอนนี้ครับ ผมมองว่างานด้านนี้ก็เป็นอีกอาชีพนึงของเราได้ในการดูแลครอบครัว การได้ทำอะไรหลายๆ อย่างมันก็ดีกับเราด้วย เหมือนเป็นความสามารถที่จะติดตัวเราไปตลอดครับ และก็คงเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”

มีความสามารถทั้งด้านดนตรี ศิลปะ และก็ดีเจ เมื่อถามคำถามว่าชอบอะไรมากยิ่งกว่ากัน เจ้าตัวก็กล่าวว่ามีเสน่ห์คนละแบบ แต่ว่าทำแล้วมีความสุขเช่นเดียวกัน
“ผมรู้สึกว่ามันคนละแบบกันครับ แต่ละงานจะมีความสนุกคนละแบบ มีเสน่ห์คนละแบบ แต่ทำแล้วมีความสุขเหมือนกัน รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ มันก็เป็นตัวตนของเราทั้งหมดในด้านต่างๆ ในพาร์ตต่างๆ ที่เราชอบเรารัก พอมีโอกาสได้ทำก็จะมีทั้งความสุขและความภูมิใจ ไม่ใช่แค่งานด้านดนตรีแต่หมายถึงงานด้านอื่นๆ ที่เราได้รับโอกาสด้วยครับ”

แง้มโปรโจกต์พิเศษที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กับมีตติ้งคอนเสิร์ตที่จะรวมสิ่งที่แพทรักเอาไว้ภายในงาน
“มีตติ้งเมื่อกลางปีที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับดีมาก ก็เลยมีแพลนว่าจะจัดมีตติ้งอีกครั้งครับ ซึ่งครั้งนี้จะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นเพราะจะเป็นการรวมความสามารถของผม ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี ศิลปะ และดีเจ มาไว้ในงานนี้ แต่จะออกมารูปแบบไหน คอนเซปต์เป็นยังไงขออุบไว้ก่อน แต่รับรองว่าเซอร์ไพรส์แน่นอน ก็อยากฝากให้ทุกคนติดตามด้วยนะครับ รวมถึงผลงานเพลงใหม่ที่น่าจะได้ฟังเร็วๆ นี้ครับ”

ครอบครัว เจนี่

“เจนี่” ปิดอู่ ขอมีลูกเพียงแค่คนเดียว ลั่นยากมากๆ กว่าจะกลับมาหุ่นเป๊ะปังขนาดนี้

“ เจนี่ อัลภาชน์ ” เผยกลับมารับงานละครตลอดแล้ว เนื่องจากเวลาตนทำงาน “มิกกี้” ก็จะทำงานออนไลน์สามารถเลี้ยงลูกได้ บอก “โนล่า” คงจะมาสายตลกขำขันมากกว่านางเอก เนื่องจากชอบเต้นมาก ต้อนรับแขกจนตนตกใจ เผยขอมีลูกเพียงแค่คนเดียวพอ ไม่มีใจอ่อน เนื่องจากอายุ 41 แล้ว กว่าจะกลับมารูปร่างอย่างนี้ได้ไม่ได้ง่าย

หลายคนคงกำลังรอคอยผลงานละครของแม่ลูกหนี่งอย่าง “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” อยู่แน่ๆซึ่งล่าสุดเจ้าตัวเผยถึงประเด็นนี้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวละครใหม่สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี มัดหัวใจยัยซุปตาร์ ณ แฟชั่น ฮอลล์ สยามพารากอน บอกว่าเตรียมตัวรับละครตลอดแล้ว เนื่องจากสามีชายหนุ่ม “มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์” รับหน้าที่เลี้ยงลูกที่บ้านตอนที่ตนไม่อยู่

“กำลังอ่านบทอยู่ค่ะ หลังจากนี้ก็จะกลับมารับละครแล้วค่ะ เจนก็จะเลือกละครจากการที่อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้เรายังไม่เคยมีโอกาสได้เล่น หรือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ คนจะได้ไม่เบื่อด้วย ปัญหาเรื่องเวลาเหรอ ปกติมิกเขาจะทำงานออนไลน์ เจนก็จะออกกอง คือส่วนมากมิกเขาจะทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ เขาก็จะมีเวลาอยู่กับลูกเวลาที่เจนออกมาทำงานข้างนอก

ไม่มีกฎต้องเลิกกองกี่โมงค่ะ เพราะปกติเจนกลับเลย แล้วเจนเป็นคนกลับเร็วอยู่แล้วค่ะ ทุกครั้งที่มาทำงานจะบอกลูกก่อน จะไม่แอบออกมา เพราะเดี๋ยวเขาจะจำฝังใจ แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจเลย เขาก็จะมีงอนบ้างว่าหม่ามี๊ไม่ไปทำงานได้ไหมคะ เราก็บอกว่าเดี๋ยวแป๊บนึงนะ หม่ามี๊ขอไปทำงานก่อน เวลาเขางอนเราก็ใจระทวยเลย แล้วเขาไหว้ติดพื้นเลยนะ เวลาหม่ามี๊กลับมาจากที่ทำงาน เขาก็จะถามว่าหม่ามี๊เหนื่อยไหมคะ อันนี้คือเขาทำจริงๆ แต่ถ้าเกิดเขามาเจอพี่ๆ นักข่าวอันนั้นเขาจะทำคอนเทนท์จะยิ้มแบบคอนเทนท์”

โนล่า ลูกสาวเจนี่

ชอบใจ บุตรสาวเอนเตอร์เทนเพื่อนๆเก่งมาก

“ใช่ค่ะ จัดงานวันเกิดให้ลูก แม่เหนื่อยมาก (หัวเราะ) เพราะว่าเราต้องทำทุกอย่างให้กับลูกและลูกคนอื่นด้วย เวลาที่จัดงานวันเกิดเราก็ต้องเตรียมทุกอย่างให้กับลูก จัดให้กับเขา ลูกชอบเอลซ่าก็เลยเป็นธีมเอลซ่า แต่ก็ชื่นใจมาก และทุกคนก็แปลกใจมากว่าทำไมลูกถึงรับแขก แม่ก็ยังแปลกใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาจะเจอคนเยอะขนาดนี้ เขาก็น่ารักมาก ไปยืนอยู่แบ็กดร็อป เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นลูกของเจนี่ เทียนฯ คือยืนแบ็กดร็อปได้นาน (หัวเราะ)

แล้วเขาเดินแบบเก่งด้วยนะ เม้าธ์ไปเดี๋ยวคนอื่นเขาจะเบื่อหรือเปล่า (หัวเราะ) คือเขาเดินแบบแล้วก็มีสะบัดผม เราก็บอกว่าแม่ไม่เคยมีแบบนี้นะลูก ไปเอามาจากไหน ก็คงอาจจะเป็นเพราะว่าเจนชอบอัดวิดีโอเขาแล้วชอบเปิดเพลงเร็วๆ ต้องเห็น ตลกมาก เราก็ไม่กล้าแชร์กลัวคนเขาเบื่อ แต่ลูกรับแขกเก่ง อาจจะเป็นเพราะเจนเป็นคนตลก เวลาอยู่กับลูกเจนเล่นกันสนุกสนาน เพราะเราอยากให้ลูกเราสดใส และเป็นตัวของตัวเอง”

บอกขอมีลูกคนเดียวพอแล้ว
“เขาชอบเต้น อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นดาวตลก (หัวเราะ) ซึ่งแม่สนับสนุนนะ เพราะว่าแม่ชอบ ตอนนี้ชอบเพลงคาเฟอีนมาก ถ้าเกิดเปิดเพลงนี้เขาจะเต้นได้ดีมาก เราก็จะบอกว่าหนูมาถูกทางแล้วลูก แม่ชอบ (หัวเราะ) ลูกไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอกเหมือนแม่เลย เป็นตลกเถอะลูก มันมีสีสันนะคะ

ลูกคนที่สอง พักก่อนค่ะ (หัวเราะ) ถามว่ากังวลอะไร ต้องบอกว่ากว่าที่จะกลับมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ การที่อายุ 41 แล้วจะกลับมาหุ่นขนาดนี้ แล้วเราต้องเลี้ยงลูกเอง ไม่ได้มีพี่เลี้ยง มันยากมาก แต่เวลาคนทักว่าท้องมาจริงหรือเปล่า เราก็แฮปปี้ แต่กระบวนการกว่าจะมีลูกจนมาถึง 3-4 ปีนี้มันเหนื่อยมากจริงๆ แค่หนึ่งคนเท่านั้นค่ะ เจนเป็นคนเด็ดขาด

แต่โนล่าก็พูดตลอดค่ะว่าอยากมีน้อง เราก็จะบอกว่านี่ไงคะน้องเต็มเลย ไปโรงเรียนก็มีเพื่อนๆ เยอะแยะเต็มเลย คือเราต้องทันลูก ไม่เอาแล้วค่ะ เจนเป็นคนที่ว่าไม่ก็คือไม่ คือโนล่าเขาเป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ของโลกค่ะ เวลาอยู่กับลูก เราจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่คนอื่นเขาถึงแฮปปี้ เราเข้าใจความรู้สึกนี้แล้ว เขามีอะไรแปลกใหม่มาให้เราได้เรียนรู้ทุกวัน เราต้องมีจิตวิทยากับเขา และช่วงนี้เป็นเหมือนช่วงวัยทองของเด็ก เดี๋ยวอารมณ์ขึ้น-ลง เราก็ต้องไหลไปตามน้ำ ไม่ต้องไปเบรกเขาค่ะ”

ประวัติ เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร

เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร (สกุลเดิม เทียนโพธิ์สุวรรณ์) ชื่อเล่น เจนี่ เกิดวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2524 เริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงจากการชักชวนของแมวมองในขณะที่เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษา โดยงานในช่วงแรกจะเป็นการถ่ายมิวสิควิดีโอ ต่อจากนั้นได้รับการชักชวนให้มาแสดงละครโทรทัศน์ในบทของนางรองในละครเรื่อง สายรุ้ง ต่อมาได้แสดงละครเรื่อง กะล่อนคูณสอง ในบท รสยา ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกที่เจนี่รับบทนางเอกเรื่องเป็นแรก และในปี พ.ศ.2544 เธอได้มีผลงานที่สร้างชื่อในละครเรื่อง ทางผ่านกามเทพ แสดงนำคู่กับ แอนดริว เกร็กสัน
ครอบครัว
เจนี่เกิดที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรของสมศักดิ์กับชไมพร เทียนโพธิ์สุวรรณ์ มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ ชาลิสา แจนนิส เทียนโพธิ์สุวรรณ์ เจนี่ใช้ชีวิตและเติบโตในสหรัฐอเมริกาก่อนย้ายกลับมาไทยเมื่ออายุได้ 11 ปี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เจนี่ได้จดทะเบียนสมรสกับ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หลังจากที่คบหาดูใจมาได้ 5 เดือน จนวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ได้หย่าขาดจากกัน โดย เจนี่ได้กลับมาใช้นามสกุลเดิม และปลายปี พ.ศ. 2560 เจนี่คบหากับ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร และทั้งสองได้สมรสกันในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ทั้งสองได้ให้กำเนิดบุตรสาว และได้ตั้งชื่อว่า ณเพชร ณ ป้อมเพชร ชื่อเล่นคือ โนล่า ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
การศึกษา
พออายุ 11 ขวบ เจนี่ และครอบครัวได้ย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทย แต่เธอก็ต้องเรียนซ้ำชั้นตอนชั้น ป.4 ด้วยเหตุผลที่เธออ่านเขียนภาษาไทยไม่คล่อง ต่อมาได้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และจบปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

อนันดา

“อนันดา” ยอมฉีกคาแรคเตอร์พระเอก รับบทเลวสุดขั้ว ในหนังฟอร์มยักษ์ “ฅนดิบเดือด”

เปิดตัวหนังบู๊ไทยไปแล้ว อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ที่มหาชนคาดว่าจะรุ่งแรงระดับโลก All Men Are Brothers Also The Pattaya Heat ฅนดิบเดือด หนังร่วมทุนไทย-จีน ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวไปยาวนานหลายวัน แต่ว่าจนถึงวันนี้ ก็ยังมีกระแสแรงๆหลายคนยังพูดถึงไม่หยุด กับการวมตัวของโคตรๆสุดยอดดาราดัง อนันดา แอเวอริ่งแฮม, น้อย วงพรู กฤษดา สุโกศล แคลปป์, ก็อต จิรายุ ตันตระกูล, พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ แล้วก็สองดาราดาวรุ่ง คริสติน กุลสตรี มิชารัลสกี้, ออม มานิตา ชอบชื่น พร้อมจะปะทะดุเดือดๆแน่นอน!

All Men Are Brothers Also The Pattaya Heat ฅนดิบเดือด หนังร่วมทุนสร้างโดย วันเดอเรอร์ พิคเจอร์ส Wanderer Pictures, เรติน่าฟิล์ม โปรดักชั่น Retina Film Production แล้วก็ พี.ที.จี. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ PTG entertainment

วันนี้พวกเราจะพาไปคุยลึกๆแบบสุดใจกับ อีกสุดยอดผู้แสดงนำชายของไทย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่กล้าท้าทายฉีกบทบาทอย่างที่เคยเล่นมาก่อนในชีวิต กับการรับบทบาทเป็นมาเฟียขาโหดตัวพ่อ ที่พัทยาในหนัง All Men Are Brothers Also The Pattaya Heat ฅนดิบเดือด

อนันดา ฅนดิบเดือด

อนันดา คาแรกเตอร์เป็นยังไง?

“เป็นมาเฟียในพัทยา ก็คือคนที่อยู่ในโลกมาเฟีย เสน่ห์ของเรื่องนี้ก็คือตัวละครมันค่อนข้างกลม มันไม่ได้มีคนดีที่สุด เลวที่สุด ทุกคนมีเหตุผลของตัวมันเอง อย่างตัวละครของไซม่อน มันมีปัจจัยของชีวิตมันเหมือนกัน มันมีสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่ทำให้มันกลายเป็นคนโหดอย่างนี้ ในเรื่องทุกคนมีปมนั่นแหละครับ ตัวละครทุกตัวเนี่ย มีปมของมันอยู่ และก็มีเหตุผล ว่าทำไมมันต้องอยู่ในชีวิตที่มันรุนแรงอย่างนี้

ผมว่ามันเป็นตัวละครที่น่าสนใจตรงนี้แหละ ว่าทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกับโลกนี้ เราก็ต้องนึกถึงว่าคนนี้มันอยู่ในโลกที่รุนแรง มันก็คงไม่ได้เลือกที่จะอยู่ตรงนี้ แต่ทำไมมันถึงอยู่ตรงนี้ มาถึงตรงนี้ได้ยังไงอะไรอย่างนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ต้องไปดูในหนังครับ ทุกตัวละครจะกลมมากครับ”

ไม่เคยเห็นอนันดาในลุคนี้มาก่อน?
“ใช่ครับ แต่หลายอย่างผมก็เติมไปเองนะ ขอผมขาวหน่อยได้ไหม ขอสักหน่อยได้ไหม ผมว่านักแสดงหลายคนพอมันรักตัวละคร มันก็จะมีจินตนาการเกิดขึ้นเอง ว่าโลกของมันเป็นยังไง หน้าตามันเป็นยังไงอะไรอย่างนี้ หลายอย่างเราก็เติม ๆ เข้าไป”

มีส่วนร่วมสำหรับเพื่อการดีไซน์บทกับผู้กำกับ?
“ใช่ ข้อดีของของพี่ผู้กำกับเนี่ยคือส่วน ก็คือเขาฟรี เขาเปิดให้เราแสดง ซึ่งส่วนหนึ่งมันอาจจะเป็นเพราะว่า เขาเป็นคนต่างชาติ เขาก็เลยไม่ได้ไปกังวลเรื่องบทมาก เขาอยากได้คาแรคเตอร์กับการการสื่อสาร อย่างฉากที่เราพึ่งถ่ายกันไปเนี่ย ผมอ่านบทมาเรียบร้อย ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างตามบท แต่พอมาถึงเนี่ย เขาบอกว่าไม่จำเป็น

ยูเล่นแบบที่รู้สึกว่า ตัวละครนั้นเป็น ซึ่งนาน ๆ ทีเราจะได้พื้นที่ที่จะได้เปิด Explore คาแรคเตอร์ของเรา โดยที่ไม่มีกรอบ มันก็เลยสนุกมาก ผมรู้สึกผมทำอะไรก็ได้ไม่ผิด จะยืน จะนั่ง จะตะโกน จะโวยวาย จะกระซิบ จะทำอะไรก็ได้ เนี่ยมันก็เลยเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความสนุก ผมนึกถึงวันถ่าย มีแต่เรื่องสร้างสรรค์เต็มไปหมด ตื่นเต้นอยากรีบเข้าฉาก”

เรื่องนี้บู๊มากมั้ย?
“ของไซม่อนก็มีครับ แต่เขาจะอาศัยลูกน้องมากกว่า รุ่นใหญ่ ไม่ต้องลงมือเอง”

การบาดเจ็บที่เราเคยผ่าตัดมา?
“แน่นอนไอ้เรื่องบาดเจ็บเนี่ย มันก็อยู่กับเรา มาสิบกว่าปีแล้ว ผมก็ชินกับมัน บางทีเราก็จะมีแบบรายละเอียดส่วนตัวของเราที่อาจจะต่างกับนักแสดงคนอื่น อย่างเช่น ผมต้องดูรองเท้าก่อน ผมต้องดูว่ามันเป็นฉากวิ่ง ฉากกระโดดอะไรยังไงบ้าง แต่ผมก็มีวิธีเซฟของผมเหมือนกัน”

หลักๆถ่ายที่พัทยา?
ใช่ครับ 90 เปอร์เซ็นต์ที่นี่

คิดว่าเรื่องนี้จะมีผลให้วอล์คกิ้งสตรีทกลับมาครึกครื้นไหม?

“ได้นะครับ คือจริงๆ อีกตัวละครสำคัญในหนังเรื่องนี้ก็คือสถานที่ คือคาแรกเตอร์ตัวหนึ่ง ที่ผมว่ามันทำให้เรื่องมันมีเสน่ห์ก็คือตัวเมืองพัทยานี่แหละ ซึ่งถึงแม้ว่าเราอาจจะมาพูดถึงโลกสีเทาที่มันอยู่ในเมืองนี้ในโลกนี้ มันก็ยังเห็นว่าเมืองนี้มันมีเสน่ห์ ผมว่าคนที่ไม่เคยมาหรือชาวต่างชาติเนี่ย ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้ผมว่าก็เป็นไปได้นะ เขาก็จะแบบเฮ้ยที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่วะ อะไรอย่างนี้”

มันก็ยังเป็นแสงสีเสียง สีสันของพัทยา?
“ผมว่าข้อดีของพัทยาเนี่ย มันเป็นตัวแทนของความความเสรี ผมเลยว่ามันก็เลยมีความดึงดูดสำหรับคนทั่วโลก ยังไงผมอยากฝากให้ทุกคนได้ติดตามหนังเรื่องนี้ด้วยครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เริ่มตัวละครโหดโหดเป็นหนังที่น่าสนใจมากเป็นหนังสนุกเป็นหนังแอ็คชั่นที่มันส์แน่นอน ก็ฝากไว้ด้วยนะครับ All Men Are Brothers Also The Pattaya Heat ฅนดิบเดือด นะครับ”

ด้านผู้บิหาร บิ๊กบอส เรติน่าฟิล์ม โปรดักชั้น พี่กบ วณิชชา ตันจันทึก พูดถึงการคัดสรรนักแสดงมารับบท “ไซม่อน” ที่ อนันดา แสดงว่า คือมันยากมาก ใช้เวลา แต่ในที่สุด ต้องเขาเลย อนันดา คาแรกเตอร์ที่เขาไม่เคยแสดงมาก่อนเลย มันท้าทาย ตอนส่งบทไปให้เขา บทแปลเป็นอังกฤษนะ เรายังเกรงว่าเขาจะต่อว่า เอาบทคนเลวมาให้เขาเล่นทำไม แต่ผิดคาด อนันดาอ่านคืนเดียว ติดต่อกลับมาเลย ขอคุยกับผู้กำกับ เขาชอบคาแรกเตอร์นี้มาก ไม่เคยมีใครให้บทเขาเล่นแบบนี้เลย ขอบคุณอนันดา ที่รับเล่นเรื่องนี้ คอยติดตามกันนะ “ฅนดิบเดือด” กลางปีหน้าค่ะ

ติดตามได้ที่
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/WANDERER.TH
https://www.facebook.com/retinafilm.Thailand

ไอจี https://www.instagram.com/wanderer.pictures/

ไบเบิ้ล บิว

“ไบเบิ้ล-บิว” เชิญชวนสัมผัสไร่องุ่นสู่ดินแดนอันไกลโพ้น: เพนโฟลด์นำประสบการณ์สุดพิเศษ ‘VENTURE BEYOND BY PENFOLDS’

จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ซิดนีย์ รวมทั้งลอสแอนเจลิส แคมเปญ Venture Beyond by Penfolds การสร้างประสบการณ์ที่ได้มอบชีวิตชีวาให้กับโลกแห่งการออกสำรวจอวกาศ การเดินทางสุดพิเศษกำลังจะมาถึงสิงคโปร์เป็นจุดหมายต่อไปในพ.ย.นี้ โดยมีตัวแทนจากเมืองไทยอย่าง ไบเบิ้ล – วิชญ์ภาส สุเมตติกุล รวมทั้ง บิว – จักรพันธ์ พุทธา

พร้อมทั้งทัพคนที่ใครๆก็รู้จักจากหลากหลายประเทศ เป็นต้นว่า Bui Thai Bao Chau, Lawrence Wong, Noah Iashikura, Seina Shimabukuro, Hyomin, Mae Tan, Jack Wang, Jamie Chua, Jane Chuck รวมทั้ง Mademoiselle Yulia มาร่วมงานเปิดตัว ณ สถานที่ชั้น 1 ของห้าง Raffles City Shopping Centre

เมื่อวันก่อน ด้วยความล้ำสมัย ตัวแทนแห่งอนาคต ประสบการณ์การดื่มด่ำไวน์ในห้วงอวกาศพร้อมแล้วให้ทุกคนสัมผัสในตอนระหว่างวันที่ 10-20 พ.ย. 2022 การออกแบบพื้นที่ที่ชวนให้เกิดความสนุกสนาน ผู้เข้าชมสามารถมีอินเตอร์แอ็คทีฟด้วยได้ ภายใต้นวัตกรรมความเป็นดิจิทัล รวมทั้งโปรแกรมคัดสรรอย่างมาสเตอร์คลาส การแสดงสดจาก DJ ชื่อดัง เพื่อยกฐานะประสบการณ์ของผู้ชมให้ถึงขีดสุด

บิว ไบเบิ้ล

 

ไบเบิ้ล บิว ชักชวนสัมผัสไร่องุ่นสู่ดินแดนอันไกลโพ้น: เพนโฟลด์นำประสบการณ์สุดพิเศษ

‘VENTURE BEYOND BY PENFOLDS’ ส่งตรงถึงสิงคโปร์ประสบการณ์จากโลกอวกาศที่มาพร้อมกับมาสเตอร์คลาสการชิมไวน์ รวมทั้งการแสดงสดจาก DJ ชื่อดัง

“แนวคิด ‘Venture Beyond’ ของเพนโฟลด์นั้นคือการเป็นศูนย์กลางที่แสดงให้เห็นถึงการออกค้นหาไปยังพื้นที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของมนุษยชาติ ที่การสำรวจอวกาศนั้นถูกนำมาเป็นเหมือนยานพาหนะ เชิญชวนให้ผู้บริโภคใหม่ๆ ได้สัมผัสกับ ‘Venture Beyond’ เริ่มต้นออกเดินทางเพื่อทำความรู้จักกับไวน์เพนโฟลด์ให้มากขึ้น พวกเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอแนวคิดนี้ในเมืองต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ซิดนีย์

และลอสแองเจลิสในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้นำเสนอสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเพนโฟลด์ ‘House Style’ ประสบการณ์การชิมไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีและเปิดพื้นที่แนวคิดเรื่องอวกาศ” Irene Kong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของเพนโฟลด์ อินเตอร์เนชันแนลกล่าว “ด้วยจิตวิญญาณแห่งการคิดค้นสิ่งใหม่ที่ขับเคลื่อนพวกเราอยู่เสมอ เราได้ยกระดับประสบการณ์ใหม่ของ Venture Beyond by Penfolds

ในสิงคโปร์ด้วยการเฉลิมฉลองให้กับคอลเล็คชั่นของเพนโฟลด์ ซึ่งประกอบด้วยไวน์จากสามประเทศต้นกำเนิด ได้แก่ ไวน์ออสเตรเลีย ไวน์แคลิฟอร์เนีย และไวน์ฝรั่งเศส”

ตั้งชื่อตามคติของเพนโฟล์ด ‘1844 TO EVERMORE’ จุดหมายแรกของ Venture Beyond by Penfolds จะพาผู้เข้าชมทุกคนเดินทางแบบเหมือนจริงไปสู่การดื่มด่ำผ่านประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ 178 ปีของเพนโฟลด์รวมทั้งการมองไปสู่อนาคตด้วยกัน

ผู้เข้าชมพื้นที่จะได้ร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับโรงบ่มไวน์ที่เปิดอิสระสำหรับในการสำรวจแหล่งปลูกองุ่นระดับระดับพรีเมียมทั่วออสเตรเลียรวมทั้งทั่วโลก ผ่านผนังจออินเตอร์แอ็คทีฟ ภายใต้หนทางมาตรฐานโลกสำหรับในการผลิตไวน์อย่างไม่มีข้อจำกัดทางภูมิภาคหรือพื้นที่ตั้งของไร่องุ่น

ต่อไปผู้เข้าชมจะถูกนำพาขึ้นไปยังห้วงอวกาศ เดินทางไปสู่ดวงจันทร์รวมทั้งดินแดนที่ไกลโพ้นออกไป ในส่วนของ THE LUNAR EXPERIENCE เป็นการเลียนแบบพื้นที่ภูมิทัศน์บนดวงจันทร์ เพื่อฉายภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตไวน์ของเพนโฟลด์ ออกแบบโดยกลุ่มผู้สร้างงานศิลปะ Babekühl ถ่ายทอดภาพไวน์จากคอลเล็คชั่นของเพนโฟลด์ที่สร้างมาจากสองซีกโลก

การให้ความหมายใหม่ต่อเรื่องราวของเพนโฟลด์คือการบอกกล่าวผ่านสายตาไปยังขอบเขตใหม่รวมทั้งความเป็นไปได้ที่นำการถ่ายภาพด้วยอินฟราเรด การถ่ายภาพมาโคร การสแกน 3 มิติ การสำรวจด้วยรูป AI รวมทั้งเครื่องมือศิลปะแบบรหัส ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล รวมทั้งการสร้างภาพมาเป็นตัวแทนสำหรับในการนำเสนอเรื่องราว

เพื่อนำเสนอความเป็นแบรนด์โดยตลอดรวมทั้งทำให้มีการเกิดการมีปฏิสัมพันธ์ ผู้เข้าชม Venture Beyond by Penfolds สามารถสแกนรหัส QR ตลอดการเดินทางรวมทั้งมีส่วนร่วมกับภารกิจ ‘สำรวจดวงดาว’ ทั้งการอัปโหลดรูปที่ถ่ายจากผนังไปยังไมโครไซต์ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ผู้เข้าชมสามารถนำมาแลกสินค้าเพนโฟลด์ที่ออกแบบมาส่วนบุคคลได้ที่ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติใน THE LUNAR LOUNGE

ใครที่เป็นตัวจริงเรื่องไวน์สามารถกดเพิ่มไวน์ลงในรถเข็นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยการสแกนรหัส QR ที่โซนโชว์เคสขวดในเลานจ์รวมทั้งรับขวดไวน์จริงได้ที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ผู้ที่อยากเดินทางต่อสามารถเลือกซื้อเที่ยวบินไวน์ (ราคา 48 ดอลลาร์สิงคโปร์) ไวน์ออสเตรเลียสามประเภท: Bin 389 Cabernet Shiraz (หรือที่รู้จักในชื่อ ‘Baby Grange’), Bin 311 Chardonnay รวมทั้ง Max’s Cabernet Sauvignon ได้ที่บาร์

 

สำหรับประสบการณ์การชิมไวน์ที่หรูหรารวมทั้งสร้างความสนิทสนมมากขึ้นเรื่อยๆ เพนโฟลด์มาพร้อมกับคลาสมาสเตอร์คลาส (ราคา 128 ดอลลาร์สิงคโปร์)

เชิญทุกคนมาร่วมกันศึกษาและทำการค้นพบแนวทางการทำไวน์ของเพนโฟลด์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านภูมิภาค คัดเลือกองุ่นที่ดีที่สุดจากออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย รวมทั้งฝรั่งเศส

รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพโดยทีม Penfolds International Brand Ambassadors มาสเตอร์คลาสจะนำเสนอไวน์ระดับพรีเมียมห้ารายการจากคอลเล็คชั่นของเพนโฟลด์ ซึ่งมีไวน์ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย รวมทั้งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเพนโฟลด์ที่จะมีการเปิดตัวไวน์ฝรั่งเศส Grange 2018, St Henri Shiraz 2019 , Yattarna Chardonnay 2020, FWT 585 Cabernet Merlot Petit Verdot 2019 รวมทั้ง Bin 704 Napa Valley Cabernet Sauvignon 2019

ในตอนวันสุดสัปดาห์ เหล่าคนรักปาร์ตี้เตรียมให้พร้อมสำหรับช่วงกลางคืนสุดพิเศษ (ราคา 58 ดอลล่าร์สิงคโปร์) ตื่นตาตื่นใจไปกับเสียงเพลง ไวน์ออสเตรเลีย 3 ประเภท

รวมทั้งสัมผัสประสบการณ์ผ่านขนม “Moon Puffs” ปาร์ตี้จัดขึ้นเพียง 3 คืนเพียงแค่นั้น ในแต่ละคืนจะสร้างความสุขให้เหล่าเกสท์ด้วยการแสดงสดของดีเจ

ศิลปินชั้นนำทั้งในแล้วก็ต่างประเทศ

การเข้าชม Venture Beyond by Penfolds ทำได้โดยการจองเพียงแค่นั้น รวมทั้งการเข้าชมโดยทั่วไปด้วยด้วยเหมือนกัน ผู้ที่อยากเข้าชมงานทุกคนสามารถจองเวลาล่วงหน้าที่ https://www.venturebeyondbypenfolds.com